Boss เป็นเจ้าประจำที่ผลิตมัลติเอฟเฟกต์ออกมาต่อเนื่อง และเป็นมือเก๋าสำหรับโปรเซสเซอร์มัลติเอฟเฟกต์แบบดิจิทัลพร้อมการจำลองแอมป์ แต่มันยังใหม่กับการควบคุมหน้าจอสัมผัส GX-100 วันนี้เรามารีวิวกัน ว่ามันจะเจ๋งสุดๆแค่ไหน?
รีวิวเอฟเฟค BOSS GX-100
คุณรู้หรือไม่ว่าหน้าจอสัมผัสเครื่องแรกได้รับการพัฒนาในปี 1940? เราไม่แน่ใจว่ามันใช้เพื่ออะไร แต่แน่นอนว่าใช้เวลานานสำหรับเทคโนโลยีนั้นในผลิตเอฟเฟคในโลกของกีตาร์
มีโปรเซสเซอร์มัลติเอฟเฟกต์พร้อมหน้าจอสัมผัสในตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมีไอเดียปรากฏขึ้นในแบรนด์ Boss มันกลายเป็นเอฟเฟคที่หลายๆคนต้องการอย่างรวดเร็ว และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ GX-100 ใช่ Cornucopia มาในรูปแบบพกพารุ่นล่าสุดของ Boss ที่มีเอฟเฟกต์ดิจิตอล และซิมแอมพลิฟายเออร์ ซึ่งจะทำให้คุณเต็มสัมผัสกับกีตาร์ของคุณ
การรีวิวส่วนใหญ่นั้นก็ตรงไปตรงมา นี่คือโปรเซสเซอร์แบบตั้งพื้นที่มีขนาดกะทัดรัดพอสมควรพร้อมเอฟเฟกต์ 154 แบบ และ 23 แอมป์ ซึ่งสามารถร้อยเข้าด้วยกันในชุดค่าผสมต่างๆ สูงสุด 15 โมดูล มาพร้อมกับสถานีที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจากโรงงาน 100 รายการ และช่องฟรี 200 ช่องสำหรับจัดเก็บของคุณเอง มีสามารถเสียบกับฟุตสวิทช์ได้ มีโหมดลูปและจูนเนอร์ และการเชื่อมต่อ USB เพื่อใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ปรับแต่ง Tone Studio บนเดสก์ท็อปของ Boss
เมื่อพิจารณาว่าเอฟเฟคในรุ่นนี้อาจจะถูกกว่า GT-1000 ที่เป็นเรือธงมากแค่ไหน คุณอาจขายมันไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ GX-100 แตกต่างจากอุปกรณ์ GT ของ Boss อย่างแท้จริงคือหน้าจอสัมผัส LCD แบบสี ซึ่งทำให้ผู้ใช้มีวิธีการที่ใช้งานง่ายกว่าในการนำทางชุดสัญญาณ และการตั้งค่ามากกว่าการบิดจากปุ่มหลายๆปุ่ม
ไม่ใช่หน้าจอที่ใหญ่ที่สุด หรือคมชัดที่สุด ซึ่งมีขนาดมากกว่า 4 นิ้ว และเป็นมาตรฐานของหน้าจอทั่วไปที่คุณจะสามารถพบได้ในสมาร์ทโฟนในสมัยนี้ แต่สำหรับ Boss นั้นสามารถทำให้เรารู้สึกก้าวไปข้างหน้าอีก 1 ขั้น และหากนั่นเป็นขั้นตอนที่ใหญ่กว่าที่คุณพร้อมจะทำ ก็ไม่ต้องกังวล ยังมีปุ่ม และปุ่มต่างๆ อีกมากที่จำลองฟังก์ชันการแตะ/ปัดด้วยปุ่มทั้งหมดเหล่านั้น
นอกจากนี้ยังมีโหมดแมนนวล ซึ่งสามารถกำหนดสวิตช์เท้าทั้งหมดเพื่อเปิด และปิดเอฟเฟกต์แต่ละรายการได้ แม้ว่าเรากำลังทำการสำรวจในโหมดหน่วยความจำเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเราใช้ฟุตสวิตช์ขึ้น และลงเพื่อเลือกสถานีที่ตั้งไว้จากโรงงาน 25 ช่อง สวิตช์ที่มีหมายเลขตามแถวด้านล่างจะทำให้เราข้ามไปมาระหว่างเสียงทั้งสี่ในช่องการบันทึกนั้นได้
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงค่าที่ตั้งไว้ล่วงหน้า แต่มันสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ด้วยแพตช์หลายรายการที่สร้างขึ้นโดยผู้เล่นยอดนิยม ดังนั้นคุณจึงสามารถเล่นเพลงที่แตกต่างแนวกันได้อย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญใน effect BOSS GX-100 รุ่นนี้ เรายังสามารถใช้สวิตช์เท้า C1 เพื่อสลับระหว่างสองช่องสัญญาณ และ C2 จะปิดเสียงเอาต์พุตและใช้จูนเนอร์เว้นแต่เราจะปรับแต่งเพื่อจุดประสงค์อื่น
ใช่แล้วคุณฟังไม่ผิด สำหรับ effect รุ่นนี้มาพร้อมกับช่องสัญญาณถึง 2 ช่อง และนี่คือจุดที่ความยืดหยุ่นของหน้าจอสัมผัสมีประโยชน์จริงๆ เอฟเฟกต์ หรือแอมพลิฟายเออร์แต่ละตัวแสดงด้วยบล็อกหกเหลี่ยมที่มีรหัสสี และ “ห่วงโซ่เอฟเฟกต์ที่กำหนดได้อย่างอิสระ” นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เราสามารถลากและวางเอฟเฟกต์ได้ตามต้องการเพื่อสร้างเสียงใหม่ ซึ่งรวมถึงลูกเล่นของแป้นเหยียบทั่วไป เช่น การซ้อนแป้นเหยียบไดรฟ์ หรือแม้แต่การแยกสัญญาณออกเป็นสองส่วน และใช้เอฟเฟกต์ และการขยายเสียงที่แตกต่างกันไปในแต่ละด้าน แน่นอน เราสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์ก่อน และหลังการแยก สำหรับการแก้ไขใด ๆ ที่เราต้องการนำไปใช้กับทั้งสองช่องทาง อาจจะฟังดูน่าสับสนเล็กน้อย แต่หากคุณใช้งานจริงคุณจะรู้ว่ามันไม่ได้ใช้งานซับซ้อนเลย
การใช้งาน
โดยปกติแล้ว การรีวิวสินค้าชนิดนี้ส่วนใหญ่จะใช้การอธิบายเสียงที่Effect สามารถสร้างได้ แต่ในอุปกรณ์ชนิดนี้ถือว่ามีมากล้นและมีเพียงพออย่างแน่นอน หากคุณได้รู้ว่ามันมีความสามารถมากขนาดไหนคุณจะอยากได้มันมาครอบครองอย่างแน่นอน
แม้ว่า Boss จะสร้างโมเดลของ GX-100 ขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่โทนเสียงภายในนั้นไม่ต่างจากสิ่งที่คุณจะได้รับจากโปรเซสเซอร์ Boss ตัวอื่นๆในปัจจุบัน และหากคุณเคยเล่นกับรุ่นอื่นมาก่อน โดยเฉพาะตัวที่ สามารถใช้ Tone Studio เพื่อเข้าถึงห้องสมุด Tone Central ได้ คุณก็สามารถใช้เอฟเฟครุ่นนี้ได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้กัน
ถ้าให้เราพูดอย่างรวบรัด มันมีความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งระหว่าง GX-100 และ GT-1000 ซึ่งจะอธิบายจากราคาที่ต่ำกว่าได้ แม้ว่าในเอฟเฟครุ่นนี้จะสามารถบันทึกเสียงด้วยความละเอียดถึง 96kHz แต่รุ่นก่อนที่สามารถบันทึกได้ 48kHz ก็ถือว่ามีความคมชัดเพียงพออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรุ่นที่เก่ากว่าไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณมองเห็นคุณนะประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นใหม่ คุณจะรู้ว่ามันคุ้มค่าเงินต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก (GT-1000 ยังมีฟุตสวิตช์ และช่องที่ตั้งไว้ล่วงหน้าอีก 500 ช่อง)
เราทำการทดสอบด้วยการเริ่มต้นแตะนิ้วเท้าผ่านสถานีที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจากโรงงาน 100 รายการ สิ่งแรกที่เราสังเกตเห็นคือทั้งหมดนี้มีการจำลองแอมพลิฟายเออร์ – เห็นได้ชัดว่า Boss เล็งเห็นให้เอฟเฟค GX-100 นี้เป็นมากกว่าอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกในการแสดงสดแบบไม่มีแอมป์ และการบันทึกเพราะคุณประโยชน์ของมันสามารถทำได้มากกว่ามัลติเอฟเฟกต์ทั่วไป
สำหรับการบันทึกเสียง การปิดแอมป์เสมือน และเปลี่ยนเป็นแอมป์จริงให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม แต่การตั้งค่าเริ่มต้นของเราสำหรับการตรวจสอบนี้ทำงานตรงไปยังอินเทอร์เฟซการบันทึก และฟังผ่านลำโพงมอนิเตอร์ของสตูดิโอ
นี่เป็นการต่อแบบระบบดิจิทัล เราจึงไม่แปลกใจเลยที่การตั้งค่าล่วงหน้าสำหรับโชว์ส่วนใหญ่นั้นให้เสียงที่ดี ถูกประมวลผลทางดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ช่วงของโทนเสียงที่มีให้นั้นมีมากมาย โดยครอบคลุมทุกแนวเพลงที่คุณอาจต้องการ สามารถบันทึกได้ทั้งกีตาร์หรือเบส และถ้าคุณต้องการฟังอะไรที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพียงแตะหนึ่งครั้งบนโมดูลเอฟเฟกต์เพื่อเลือก และข้ามอีกครั้ง คุณจะมีโหมดให้เลือกเล่นมากมายตั้งแต่เพลงยุคเก่าไปจนถึงเพลงยุคอนาคต
แอมป์เสมือนรุ่นล่าสุดของ Boss ใช้ AIRD (Augmented Impulse Response Dynamics) และโดยสรุปแล้วมันให้เสียงที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่แนวเพลงเฮฟวี่เมทัลไปจนถึงคอมโบแบบ Brit ที่นุ่มลึก และหน้าจอสัมผัสช่วยให้ปรับโทนเสียงได้ง่าย หรือเปลี่ยนจากห้องDrive ขนาด 4×12 ที่เป็น 1×10 ที่แคบลง การตั้งค่าแชนเนลสองแชนเนลด้วยประเภทแอมป์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำได้อย่างง่ายดาย มันหมายความว่าฟุตสวิตช์ C1 จะกลายเป็นทางลัดสู่การสลับแชนเนลประเภทที่แอมป์จริงตัวเดียวไม่สามารถจัดการได้
สิ่งที่ไม่ค่อยดีนัก? การควบคุมระดับเสียงที่เป็นอิสระสำหรับเอาต์พุตหูฟังน่าจะดี มันยังไม่ชัดเจนเท่าที่เราต้องการเป็นวิธีการที่คุณสามารถเล่นผ่านช่องแอมป์ทั้งสองในเครื่องเสียงสเตอริโอเต็มรูปแบบ (คุณต้องเลือกโหมด Dual ใน Divider แล้วตั้งค่าเป็น ‘pan L/R’ ใน Mixer ช่วยให้คุณสามารถส่งออกช่อง A และ B แยกกันได้)
บางทีหน้าจอสัมผัสขนาด iPad ที่เหมาะสมอาจทำให้การนำทางยังง่ายกว่า แต่อาจมีเหตุผลที่ดีที่อยู่เบื้องหลังขนาดหน้าจอที่แคบๆนี้ นอกเหนือจากการประหยัดพื้นที่ และงบประมาณ แต่มีขนาดเล็กพอที่จะป้องกันไม่ให้เท้าย่ำ หลายคนกล่าวว่า ปุ่มสี่ปุ่มตามแถว ด้านล่าง ดูอ่อนแอเกินไป
อาจเร็วเกินไปที่จะบอกว่าหน้าจอสัมผัสบนก้อนสต็อมป์บ็อกซ์เป็นเรื่องอนาคต ยังมีบางสิ่งที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการมีส่วนประกอบที่แตกหักได้ในระดับรองเท้าบูทที่หนักและเงอะงะ หรือแม้แต่ขาตั้งไมค์ที่ตกลงมาใส่ อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนที่ Boss GX-100 ยังคงพลาดไป
ฟีเจอร์หลัก
- ราคา £499 ประมาณ 17450 บาท
- รายละเอียด โปรเซสเซอร์มัลติเอฟเฟคพร้อมการสร้างโมเดลแอมป์สำหรับกีต้าร์และเบส ผลิตในประเทศมาเลเซีย
- ระบบควบคุม จอสัมผัส LCD สีขนาด 4.25 นิ้ว พร้อมปุ่มกดสี่ปุ่ม สวิตช์เท้าเหยียบที่ตั้งไว้ล่วงหน้าสี่ชุด พร้อมการขึ้น/ลงของช่อง, C1 และ C2/จูนเนอร์, ต่อ Foot Switch ได้ ปุ่มกดตัวเลือกพร้อมปุ่มหน้าซ้าย/ขวา, ปุ่มนำทาง 6 ปุ่ม, ระดับเอาต์พุต
- แผงด้านหลัง อินพุตกีตาร์ โมโน สเตอริโอ และเอาต์พุตหูฟัง การส่งและส่งคืนเอฟเฟกต์แบบวนซ้ำพร้อมสวิตช์กราวด์ อินพุตการแสดงออก/การควบคุม อินพุตและเอาต์พุต MIDI อินพุตสำหรับอะแดปเตอร์ Bluetooth (อุปกรณ์เสริม) อินพุต USB ปุ่มเปิดปิด ช่องเสียบไฟหลัก (รวมอะแดปเตอร์)
- คุณสมบัติ 154 เอฟเฟกต์, 23 แอมป์, 100 ค่าที่ตั้งล่วงหน้าจากโรงงาน, 200 ช่องที่ตั้งไว้ล่วงหน้าสำหรับผู้ใช้; การสุ่มตัวอย่าง 48kHz, การประมวลผลจุดลอยตัว 32 บิต
- ขนาด 460 x 193 x 73mm
- ติดต่อ
- boss.info
สั่งซื้อได้ที่ : https://ctmusicshop.com
คลิปวีดีโอ : https://www.youtube.com/watch?v=uwvrXTqNe-E